วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

บทที่ 5 วัฏจักรการพัฒนาระบบการจัดการความรู้ (Knowledge Management Systems Life Cycle)


การเปรียบเทียบระหว่าง CSLC กับ KMSLC



Conventional System Life Cycle วงจรชีวิตการพัฒนาระบบแบบเดิม

       1. Recognition of Need and Feasibility Study การกำหนดความต้องการของระบบ
       2. Functional Requirements Specifications ข้อกำหนดคุณสมบัติการทำงานของระบบ (วิเคราะห์ระบบ)
       3. Logical Design (master design plan) การออกแบบเชิงตรรกะ (แผนการออกแบบหลัก)
       4. Physical Design (coding) การออกแบบทางกายภาพ (การเข้ารหัส)
       5. Testing การทดสอบ
       6. Implementation (file conversion, user training) การใช้งาน (การแปลงไฟล์การฝึกอบรมผู้ใช้)     
       7. Operations and Maintenance การดำเนินงานและบำรุงรักษา


KM System Life Cycle วงจรการพัฒนาระบบการจัดการความรู้

       1. Evaluate Existing Infrastructure ประเมินโครงสร้างของระบบพื้นฐานที่มีอยู่
       2. Form the KM Team จัดตั้งทีมงานการจัดการความรู้
       3. Knowledge Capture การรวบรวมความรู้มาเก็บไว้ เพื่อที่จะเอาข้อมูลความรู้เหล่านั้นเข้าสู่ระบบ
       4. Design KMS Blueprint การออกแบบพิมพ์เขียว ของการจัดการความรู้
       5. Verify and validate the KM System การสร้างระบบขึ้นมาแล้วตรวจสอบว่าระบบมีความเหมาะสมหรือไม่
       6. Implement the KM System การนำระบบไปใช้
       7. Manage Change and Rewards Structure การจัดการของการเปลี่ยนแปลงและขั้นตอนของการให้รางวัล
       8. Post-system evaluation การประเมินผลหลังนำระบบไปใช้



Stages of KMSLC

       1. Evaluate Existing Infrastructure การประเมินโครงสร้างที่มีอยู่

              1.1 ความรู้อะไรที่จะหายไปจากการเกษียณอายุการย้าย หรือ การออกไปองค์กรอื่น?

              1.2 จำเป็นต้องใช้ระบบ KM ที่เสนอในหลายตำแหน่งหรือไม่

              1.3 มีผู้เชี่ยวชาญและพร้อมที่จะช่วยเหลือในการสร้างระบบ KM หรือไม่?

              1.4 ปัญหาที่ต้องสงสัยประสบการณ์เป็นปีต้องใช้ประสบการณ์และเหตุผลในการแก้ปัญหาโดยปริยายหรือไม่?


       2. Form the KM Team การจัดตั้งทีมงานการจัดการความรู้

             2.1 ทีมจะประสบความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับความสามารถของคนในทีม

             2.2 ขนาดของทีมที่จะประสบความสำเร็จต้องมี 7 คน

             2.3 ความซับซ้อนของโครงการ

             2.4 ภาวะผู้นำ สามารถสั่งลูกน้องได้และเป็นแรงจูงใจองทีม ว่าทีมมีแรงจูงใจมากน้อยแค่ไหน

             2.5 ทีมนั้นจะต้องไม่ไปสัญญาอะไรเกินเลยมากไปกว่าสิ่งที่มีจริงของระบบที่เราส่งมอบ


       3. Knowledge Capture การรวบรวมความรู้มาเก็บไว้ เพื่อที่จะเอาความรู้นั้นเข้าสู่ระบบ

             3.1 การดึงความรู้จากสื่อที่หลากหลาย หรอแหล่งความรู้ต่างๆ

             3.2 ต้องดึงความรู้จากผู้เชี่ยวชาญองค์กรโดยใช้เครื่องมือที่หลากหลาย

             3.3 นักพัฒนาระบบจะไปดึงความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจะนำมาสร้างฐานความรู้


Knowledge Capture and Transfer Through Teams การจับและถ่ายทอดความรู้ผ่านทีม

       4. Design KM Blueprint การออกแบบพิมพ์เขียวของการจัดการความรู้

            4.1 ขอบเขตที่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ

            4.2 มีการตัดสินใจบนองค์ประกอบของความต้องการของระบบ

            4.3 การพัฒนาระดับชั้นที่สำคัญของสถาปัตยกรรมของระบบการจัดการความรู้

            4.4 ระบบต้องมีความสามารถในการใช้งานระหว่างโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกัน

Layers of KM Architecture

       5. Verify and validate the KM System การสร้างระบบขึ้นมาแล้วตรวจสอบว่าระบบมีความเหมาะสมหรือไม่

            5.1 ตรวจสอบความเหมาะสมของระบบ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบมีฟังก์ชั่นการทำงานที่ถูกต้อง และเหมาะสม

           5.2 วิธีการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าระบบให้ผลลัพธ์การประมวลผลที่ถูกต้อง

           5.3 ตรวจสอบความผิดพลาดที่ไม่ได้เกิดจากการประมาทเลินเล่อ


       6. Implement the KM System การนำระบบการจัดการความรู้ไปใช้

           6.1 การนำไปปฏิบัติงานจริงในระบบการจัดการความรู้ใหม่ และทำได้จริง

           6.2 การเปลี่ยนข้อมูลให้อยู่ในรูปของข่อมูลหรือไฟล์

           6.3 การอบรมผู้ใช้งาน

       การประกันคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสำหรับ

           - ความผิดพลาดเชิงเหตุเชิงผล

           - ตรวจถึงความคลุมเครือ

           - อะไรที่ไม่สมบูรณ์ต้องไปแก้ให้สมบูรณ์

           - ตรวจความผิดพลาดในลักษณะ False Positive เราตรวจแล้วมันถูกแต่จริงๆ แล้วมันผิด มาจากการที่เขียนโปรแกรมผิด False Negative เราตรวจแล้วมันให้คำตอบว่าผิด แต่จริงๆ แล้วมันถูก


       7.  Manage Change and Rewards Structure ชั้นของการนำระบบไปใช้และจัดการเรื่องการให้รางวัล

           7.1 ต้องการลดแรงต่อต้านจากผู้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้ใช้ หรือจากผู้ที่ก่อกวนให้เกิดปัญหา

           7.2  แรงต้านทานนี้แสดงออกมาจากการตอบโต้ เช่น การกำหนด Password ที่ไม่ปฏิบัติ ( Password ยุ่งยาก) หรือหลีกเลี่ยง


       8. Post-system evaluation การประเมินผลหลังจากการนำระบบไปใช้แล้ว

           8.1 ประเมินผลกระทบของระบบ ในแง่ของผลกระทบต่อบุคคล วิธีการปฏิบัติ หรือผลการดำเนินงานของธุรกิจ

           8.2 ขอบเขตที่เราต้องพิจารณาผลลัพธ์ของการนำระบบไปใช้ ทำให้เราได้ความรู้ในกาตัดสินใจด้ดีขึ้น

                 - ต้องใช้การตัดสินใจที่มีคุณภาพ ทำให้เราแก้ผลกระทบที่เกิดขึ้นได้

                 - ดูจากทัศนคติของผู้ใช้ (อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้)

                 - ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากต้นทุน ที่เกิดจากการนำระบบไปใช้ และไปประมวลผลรวมต้นทุนที่เกิดจากการปรับระบบให้ทันสมัยมากขึ้น


วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2562

บทที่ 4 องค์กรแห่งการเรียนรู้

การวิเคราะห์กรณีศึกษาการเป็นองค์กรแห่งความรู้

      องค์กรแห่งการเรียนรู้ หมายถึง องค์กรที่มีการจัดการความรู้ในการปรับเปลี่ยน และค้นหาวิธีใหม่ๆ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ หรือ บริการ อันจะนำมาซึ่งการเพิ่มประสิทธิผลในการดำเนินงานขององค์กร

กรณีศึกษา : องค์กรแห่งความรู้ของ "โรงพยาบาลศิริราช"


เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์

     เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยในปัจจุบัน ที่สามารถรับภาระค่าบริการทางการแพทย์ได้ด้วยตนเองในระดับหนึ่งโดยที่ไม่ต้องพึ่งสวัสดิการจากภาครัฐ โดยเน้นการบริหารที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่ SiPH ได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วเช่นเดียวกับบริการของโรงพยาบาลเอกชน มีการดูแลใกล้ชิดในบรรยากาศอบอุ่นเหมือนครอบครัวเดียวกัน และมั่นใจในความเป็นเลิศทางการแพทย์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาลศิริราช และเพื่อเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้กับบุคลากร เพื่อรักษาบุคลากรไว้ในระบบ (ไม่ให้ออกไปประจำโรงพยาบาลเอกชนอย่างเต็มตัว)

ปัจจัยเงื่อนไขแห่งความสําเร็จในการจัดความรู้ขององค์กรหรือการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

     - ผู้รับ บริการทางการแพทย์ที่เป็นเลิศ ด้วยคุณภาพศิริราช มาตรฐานระดับสากล โดยทีมแพทย์ศิริราช พยาบาล และ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย  ปลอดภัย  มีประสิทธิภาพสูง
     - ผู้ให้ รายได้ส่วนหนึ่งจากการรักษาจะคืนกลับสู่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาสโรงพยาบาลศิริราช และกิจการต่างๆของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อยกระดับมาตรฐานการแพทย์ไทยสู่ระดับเอเซียอาคเนย์

ปัจจัยเงื่อนไขแห่งความสำเร็จในการจัดการความรู้ขององค์กรหรือการเป็นองค์กรแห่งความรู้

      ปัจจัยความสำเร็จต่อการขับเคลื่อนองค์กรของโรงพยาบาลศิริราชคือ การมีนโยบายองค์กรสนับสนุน การสนับสนุนของผู้บริหารองค์กร ช่วงเวลาในการจัดกิจกรรมสอดคล้องกับความต้องการของบุคลากรในแต่ละระยะ อีกทั้งระยะเวลาในการจัดกิจกรรมที่มากเพียงพอให้บุคลากรทุกส่วนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ การมีช่องทางประชาสัมพันธ์ที่หลากหลาย และการมีภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องสนับสนุนพร้อมเครื่องมือสำหรับช่วยในการสร้างสุขทางการเงินให้กับบุคคล เป็นต้น

กรณีศึกษา : องค์กรแห่งความรู้ของ "บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด"


เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์

สมาคมอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ไทย มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน ดังนี้
     1. เพื่อเป็นหน่วยประสานงานระหว่างผู้ผลิตปูนซิเมนต์กับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งใน และต่างประเทศ
     2. เพื่อเสริมสร้างมิตรภาพและความร่วมมือของผู้ผลิตปูนซิเมนต์ในประเทศ
     3. เพื่อเป็นศูนย์กลางในการติดต่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
     4. เพื่อค้นคว้า เผยแพร่ ส่งเสริม อบรมวิชาการที่ทันสมัย และติดตามความเคลื่อนไหวในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ อาทิเช่น การพัฒนาอย่างยั่งยืน การอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น
     5. เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือ และการประสานงานกับกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ในต่างประเทศ
     6. เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นในการรักษา และส่งเสริมเสถียรภาพของอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ภายในประเทศ
     7. เพื่อส่งเสริมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ภายในประเทศ

วิธีดําเนินการจัดการความรู้ภายในองค์กร

     เนื่องจากธุรกิจเม็ดพลาสติกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วทั้งในเรื่องของอุปสงค์และราคา การบริหารจัดการและการตัดสินใจที่รวดเร็วและถูกต้องจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และการบริหารจัดการสถานการณ์ของธุรกิจ ธุรกิจได้ติดตั้งระบบบริหารงาน Supply Chain Management ซึ่งจะช่วยในการเชื่อมต่อระบบ  ของหน่วยงานต่างๆ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเพิ่มความรวดเร็วในการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ระบบ Supply Chain Managementประกอบไปด้วยระบบการประมาณความต้องการใช้ของลูกค้า วางแผนการขาย วางแผนและพัฒนาระบบจัดส่ง วางแผนการผลิต วางแผนการจัดซื้อวัตถุดิบ การบริหารสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ ธุรกิจยังได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้พัฒนาระบบ Supply Chain Management ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความถูกต้องในการบริหารวัตถุดิบในโรงงานด้วยระบบ Radio Frequency Identification (RFID) การนำระบบVender Management Inventory (VMI) มาใช้ เพื่อช่วยลดการจัดเก็บสินค้าให้กับลูกค้า การจัดตั้งคลังสินค้า (Hub and Spoke) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อลดระยะเวลาการส่งสินค้ารวมถึงการจัดเตรียมเส้นทางและรูปแบบการขนส่งแบบใหม่ทั้งทางรถไฟและทางเรือ โดยคำนึงถึงพลังงานของประเทศที่ต้องสูญเสียไปเป็นสำคัญ

ปัจจัยเงื่อนไขแห่งความสําเร็จในการจัดความรู้ขององค์กรหรือการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

ตั้งมั่นในความเป็นธรรม
     - ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเอสซีจี ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้สินค้า ผู้ถือหุ้น หุ้นส่วนธุรกิจ
     - ผู้ที่ดำเนินธุรกิจด้วย หรือพนักงาน จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
     - ขณะประกอบธุรกิจ หรือทำงานร่วมกับเครือฯ
มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ
     - มุ่งกระทำการทุกอย่าง ด้วยความตั้งใจให้เกิดผลในทางที่ดีกว่าเสมอ
     - โดยมุ่งมั่นที่จะประกอบธุรกิจอย่างดีเยี่ยม เต็มความสามารถ
     - ขณะเดียวกันก็พยายามหาแนวทาง การพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ อยู่ตลอดเวลา และอย่างต่อเนื่อง
เชื่อมั่นในคุณค่าของคน
     - ให้ความสำคัญต่อ คุณค่าของพนักงาน และถือว่าเขาเหล่านั้นคือสมบัติ
     - ที่มีค่าที่สุดพยายามคัดสรรบุคลากร ที่มีความรู้ความสามารถ และมีคุณธรรม
     - เข้ามาร่วมงาน ให้การฝึกฝน พัฒนา และดูแลอย่างดี ด้วยสวัสดิการและผลตอบแทนตามสมควร
ถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม
     - ตั้งเจตนารมณ์ไว้ว่า จะดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงหน้าที่ และความรับผิดชอบ
     - ที่พึงมีต่อ ประเทศชาติและสังคมส่วนรวมเป็นสำคัญจะประพฤติตน
     - เป็นพลเมืองดีทำประโยชน์ให้แก่สังคม และทุกชุมชนที่เอสซีจี ดำเนินธุรกิจอยู่

กรณีศึกษา : องค์กรแห่งความรู้ของ "บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)"


เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์

     เกี่ยวข้องกันก็คือการจัดการความรู้ให้กับสายงานต่างๆ เพิ่มความสามารถของสายงานและศักยภาพของพนักงานซึ่งพนักงานสามารถติดต่อแลกเปลี่ยนความรู้กัน อีกทั้งพนักงานสามารถหาความรู้ข้อมูลสารสนเทศต่างๆที่ทางบริษัทได้เตรียมไว้ให้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้พนักงานมีความสามารถเพิ่มขึ้นพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการของบริษัท ลูกค้าจะพึงพอใจต่อการให้บริการของพนักงานที่พร้อมทั้งความสามารถและระยะเวลาที่ให้บริการที่รวดเร็ว

วิธีดําเนินการจัดการความรู้ภายในองค์กร

     การทำ KM ของทรูเริ่มจากความต้องการตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าในช่วงต้น ประกอบกับบริษัทมีสินค้าและบริการที่หลากหลายมาก ความต้องการที่จะขยับตัวชี้วัดที่ทำให้ลูกค้าพอใจ ด้วยเหตุนี้ เป็นโจทย์ที่ True คาดว่า  KM  จะสามารถช่วยให้คำตอบได้ จึงเกิดเป็น KM ตั้งแต่นั้นมา ในเดือนมกราคม 2544 จึงเกิดระบบ KM นำร่องเพื่อสนับสนุนด้าน Call Center ต่อมาได้เข้าร่วมโครงการ KM กับสถาบันเพิ่มผลผลิต เกิดการพัฒนารูปแบบ KM Organization และจนปัจจุบันได้มีการพัฒนาจนได้ CM web Phase3 เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญต่อการจัดการความรู้ของบริษัท ทรู และเทคโนโลยีบล็อก(Blog หรือ Weblog) จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์สำหรับการสร้าง การแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ความรู้

ปัจจัยเงื่อนไขแห่งความสําเร็จในการจัดความรู้ขององค์กรหรือการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

     บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นนำการจัดการความรู้มาใช้กับพนักงาน โดยยึดหลักการให้บริการที่ดีเลิศแก่ลูกค้าซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ดังนั้นเพื่อที่จะสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีประสิทธิภาพให้ถึงมือลูกค้า การจัดการความรู้ภายในองค์กรที่ดีจะเป็นปัจจัยที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า รวมทั้งทำให้สามารถพัฒนาการดำเนินงานของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้วย
💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧

การวิเคราะห์กระบวนการของการจัดการความรู้

✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜

ฝ่ายสารสนเทศ โรงพยาบาลศิริราช :

เว็บไซต์การจัดการความรู้
เว็บไซต์โรงพยาบาลศิริราช เป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลต่างๆ ของโรงพยาบาล การบริการผู้ป่วย ตวามรู้ด้านสุขภาพ การตรวจสุขภาพแห่งปี มีให้ค้นบทความทางการแพทย์ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง

โรงพยาบาลศิริราช : http://www.si.mahidol.ac.th/sirirajhospital/
✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜✜
❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖
เว็บไซต์การจัดการความรู้
เว็บไซต์บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย  เป็นเว็บไซต์ที่ให้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน  มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนด้วยสินค้าและบริการที่มีคุณภาพจากกระบวนการดำเนินงาน การพัฒนาเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีความเป็นเลิศ เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนที่เติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด : https://www.scg.com/landing/
❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖❖
♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦
เทคโนโลยีสารสนเทศ
รับรู้สถานะการส่งสินค้า หรือควบคุมสั่งงานอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ที่ใช้ในธุรกิจด้วยโซลูชันต่างๆ ที่ช่วยให้คุณจัดการ กำกับดูแลกระบวนการทำงาน และตัดสินใจได้อย่างแม่นยำตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพื่อบรรลุเป้าหมายในการแข่งขันบนโลกธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

เว็บไซต์การจัดการความรู้
เว็บไซต์บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท สิทธิประโยชน์ต่างๆ ข่าวสารและกิจกรรม เกาะติดกระแสโลกธุรกิจที่น่าสนใจ

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) : http://www3.truecorp.co.th/new/
♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦


บทที่ 3 กระบวนการจัดการความรู้

กรณีศึกษา


♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢

การจัดการความรู้ของ “โรงพยาบาลศิริราช”



  โรงพยาบาลศิริราชเป็นโรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล ระดับตติยภูมิและเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทย ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเจ้าเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงก่อตั้งขึ้น เปิดดำเนินการในวันที่  26 เมษายน พ.ศ. 2431 ปัจจุบันโรงพยาบาลมีอายุมากกว่า 116 ปี
  การดำเนินกิจการของโรงพยาบาลตั้งแต่เริ่มแรกยึดแนวทางสืบสานพระราชปณิธานของพระผู้ทรงก่อตั้งคือ ให้การบำบัด รักษา ดูแล และส่งเสริมสุขภาพแก่ประชาชนทุกระดับ ทั้งผู้ยากไร้อนาถาและร่ำรวยมั่ งมี โดยไม่แบ่งชั้นวรรณะและในสมัยสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “พระบิดาแห่งการแพทย์ไทย” ได้ทรงอุทศพระองค์ด้วยพระวิริยะอุตสาหะ และพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ในการพัฒนาปรับปรุงโรงพยาบาลศิริราช ทรงวางรากฐานทางด้านการศึกษา การแพทย์การสาธารณสุขและการสังคมสงเคราะห์จนได้รับศรัทธาและความนิยามจากประชาชนทุกระดับ เห็นได้จากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากเริ่มต้นที่มีเรือนรับผู้ป่วยเพียง 4 หลัง สามารถรับผู้ป่วยได้ 44 ราย จนปัจจุบัน โรงพยาบาลศิริราชให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยนอกประมาณปีละ 1,786,542 ราย (สถิติ ปี พ.ศ. 2546 งานพัฒนาคุณภาพ โรงพยาบาลศิริราช) มีหอพักผู้ป่วยในทั้งหมด 172 ห้อง คิดเป็นจำนวน 2,468 เตียง เฉลี่ยมีผู้ป่วยในรับเข้ารักษาพยาบาลประมาณปีละ 75,271 ราย และมีจำานวนบุคลากรทั้งหมด 9,924 คน (สถิติปี พ.ศ. 2546 งานพัฒนาคุณภาพ โรงพยาบาลศิริราช)

วัตถุประสงค์การนำการจัดการความรู้มาใช้

รงพยาบาลศิริราชสังกัดมหาลัยมหิดล มีภารกิจในการให้การบำบัด รักษา ดูแล และส่งเสริมสุขภาพแก่ประชาชนทุกระดับ โดยมีแนวทางการดำเนินงานที่เน้นการพัฒนาคุณภาพงานเป็นสำคัญ 2 ประการ คือ
1) ความรู้ที่เกิดจากการพัฒนาคุณภาพงานเป็นความรู้ที่เกิดขึ้นในกลุ่มทำงาน มีการแบ่งปัน
ความรู้ระหว่างกลุ่มบ้างแต่ไม่กระจายทั่วทั้งองค์การ
2) การแบ่งปันความรู้เป็นความรู้ที่เกิดขึ้นตามโอกาส ตามวาระ เช่น การนำเสนอความคิดต่อที่ประชุม/สัมมนา

การดำเนินการจัดการความรู้

  โรงพยาบาลศิริราชมีระบบเครือข่ายของการถ่ายโอนความรู้ ด้าน Continuous Quality Improvement ทางคลินิก (CQI) ตามตัวแบบ (Model) การจัดการความรู้เรียกว่า “Knowledge Management Cycle of Implementation” ซึ่งกรอบแนวคิดดังกล่าวจะเป็นรูปแบบการจัดการ ความรู้ที่คิดค้นโดยบริษัท Xerox Corporation สหรัฐอเมริกาซึ่งประสบความสำเร็จเรื่องการจัดการความรู้ โดยตัวแบบดังกล่าวประกอบด้วยโมดูล (Module) ย่อย 6 โมดูล ซึ่งเป็นขั้นตอนการจัดการความรู้ ดังนี้
1) เตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนแปลง
2) การสื่อสาร
3) กระบวนการและเครื่องมือ
4) การเรียนรู้
5) การวัดผล
6) การยกย่องชมเชยและให้รางวัล

กรอบแนวคิดในการดำเนินการจัดการความรู้ของโรงพยาบาลศิริราชมี 5 ขั้นตอน ดังนี้

1) เตรียมความพร้อมขององค์การสำหรับการจัดการความรู้ โดยทำการประเมินองค์การว่ามีวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ โดยใช้แบบประเมิน Self – Assessment Toolkit
2) การติดต่อสื่อสาร มีการกำหนดการสื่อสารไว้หลายรูปแบบ โดยมีทั้ง รูปแบบที่มีอยู่แล้วและช่องทางที่สร้างขึ้นมาใหม่
3) กระบวนการและเครื่องมือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เน้นการสนับสนุนให้เกิดกระบวนการเรียนรู้แบบไม่ชัดแจ้ง (Tacit Knowledge) ให้มากขึ้น
4) การเรียนรู้และแลกเปลี่ยนอย่างจริงจัง ทั้งแบบทางการและไม่เป็นทางการ เพื่อให้เกิดการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้เร็วขึ้น
5) การประเมินโครงการ การวัดผลการดำเนินงานของโครงการให้เป็นรูปธรรม
6) การให้รางวัล เนื่องจากโรงพยาบาลศิริราชเป็นหน่วยงานราชการ รางวัลที่ให้มีขึ้นจึงเป็นลักษณะของการสร้างความภูมิใจและการให้คุณค่า เช่น การมอบโล่ประกาศเกียรติคุณในงานประชุม Quality Fair ประจำปี

♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢

⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆

การจัดการความรู้ของ “บริษัทสแปนชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด”



  บริษัท สแปนชั่น (ไทยแลนด์) จํากัด ชื่อเดิมคือ บริษัท เอเอ็มดี (ไทยแลนด์) จํากัด เกิดจากการรวบรวมสายงานผลิตหน่วยความจํา (Memory Devices) ของบริษัท เอเอ็มดี และบริษัท ฟูจิตสึ บริษัทนับว่าเป็นโรงงานผู้ผลิตแผงวงจรไฟฟ้า IC ที่ทันสมัยท่ีสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่ท่ีสุดในจํานวน 4 แห่งของ Spansion ในทวีปเอเชียโรงงานประกอบด้วยสายการผลิตประกอบและทดสอบชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติรวมทั้งการควบคุมการผลิตด้วยกลวิธิทางสถิติในส่วนของบุคลากร Spansion มีพนักงานประมาณ 1,400 คน ผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยหน่วยความจําประเภท Nor Flash ที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ มือถือ (PDA), ระบบ GPS, หน่วยความจำ (Media memory) เป็นต้น กลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และโทรศพท์เคลื่อนที่ ชั้นนำต่างๆ

  ปรัชญาการบริหารงานของ Spansion มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับพนักงานภายใต้แนวคิด ในการบริหารจัดการที่ว่า “บุคลากรเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงสุดขององค์กร” (People are our most important asset.) ดังนั้นการมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดีไปพร้อมกัน ความสำเร็จในการบริหารจัดการของ Spansion มาจากการผสมผสานระหว่างรูปแบบการทำงานตามสายบังคับบัญชาปกติ และรูปแบบของกลุ่ม หรือคณะทำงานเพื่อให้ มั่นใจว่าผลที่เกิดจากการมีส่วน ร่วมกันของพนักงานทุกคน เรียกว่า ระบบการปรับปรุงกระบวนการผลิตและพัฒนา ทำไมต้องจัดการความรู้ในองค์กรนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง (Total Continous Process Improvement and Innovation หรือ TCPI2 ) อันเป็นหัวใจหลักของการพัฒนากระบวนการทำงาน

กิจกรรมที่เลือกเข้ามาไว้ในโครงการนำร่องของการจัดการความรู้มีดังนี้
1. โครงการเพื่อพัฒนาผลืตภาพอย่างต่อเนื่อง (TCPI2 projects)
2. การนำเสนองานและโครงการด้านวิศวกรรม (Engineering project presentation)
3. การนำเสนองานในฝ่ายสนับสนุน (Department presentation)
4. เอกสารประกอบการฝึกอบรม (Training materials)
5. สิทธิบัตร (Patents)
6. สิ่งตีพิมพ์ทางวิชาการ (Publication)
7. ความรู้จากบริษัทคู่ค้า (Knowledge from Vendors)

⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆⚆

⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀

การจัดการความรู้ "บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)"



วิสัยทัศน์ (Vision)

     การเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารครบวงจรและมุ่งตอบสนองต่อลูกค้าเป็นหลัก อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการหนึ่งเดียวของประเทศที่ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน ระบบสื่อสารไร้สาย อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และผลิตภัณฑ์และบริการด้านเนื้อหาต่างๆอย่างหลากหลาย

พันธะกิจ (Mission)

     แนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งประกอบด้วย

เชื่อถือได้

- เราซื่อตรงและให้เกียรติทุกคนและร่วมกันทำงานเพื่อความสำเร็จร่วมกัน
- เราสื่อสารอย่างซื่อตรงและเน้นถึงประโยชน์ของบริษัทเป็นสำคัญ
- เราพยายามทำในสิ่งที่เหมาะที่ควรเพื่อลูกค้าของเรา
- เราพร้อมจะตัดสินใจและรับผิดชอบในการกระทำของเรา

สร้างสรรค์

- เราพยายามเสาะหาแนวคิดใหม่ๆ และวิธีการใหม่ๆ ซึ่งจะนำมาซึ่งผลิตภัณฑ์และบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ
- เราแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการทำงานร่วมกัน
- เราทำงานด้วยความท้าทายซึ่งทำให้ธุรกิจของเราพัฒนาไปสู่ความก้าวหน้าเหนือผู้อื่น

เอาใจใส่

- เราเชื่อมั่นว่าพนักงานของเราคือสินทรัพย์ที่มีค่ายิ่งของบริษัท
- เราตั้งใจจะทำงานร่วมกันด้วยความสามัคคีและมอบสิ่งที่ถูกที่ควรให้กับลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และคู่ค้าของเรา
- เราปฏิบัติต่อผู้อื่นในลักษณะเดียวกับที่เราอยากให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา
- เรายอมรับผลงานและยินดีในความสำเร็จของกันและกัน
- เราสร้างสัมพันธภาพที่ยั่งยืนกับคู่ค้าของเรา

กล้าคิดกล้าทำ

- เรามีความปรารถนาที่แน่วแน่เพื่อพัฒนาบริษัทของเราและเป็นผู้นำในตลาดการค้า
- เราปฏิบัติงานด้วยความเด็ดเดี่ยว ประเมินความเสี่ยงอย่างสุขุมและเรียนรู้จากข้อผิดพลาด
- เราตระหนักดีว่าโอกาสเกิดจากความรับผิดชอบและความรู้สึกเป็นเจ้าของในงานนั้นๆ

เป้าหมาย (Goal)

     การเป็นผู้นำ Convergence lifestyle enabling ผ่านบริการทั้งหมดของกลุ่มซึ่งมีครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น Wire line หรือ Wireless ตั้งแต่โทรศัพท์พื้นฐาน, WE PCT บรอดแบนด์, อินเทอร์เน็ต และรวมไปถึงการให้บริการเคเบิ้ลทีวี บริการต่างๆเหล่านี้ เป็นช่องทางที่จะทำให้เราสามารถเติมเต็มชีวิตของลูกค้าทุกกลุ่มให้ครบถ้วน รวมถึงการให้บริการโซลูชันทางธุรกิจ ทั้งแก่ลูกค้าองค์กรและลูกค้า SME

⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀⚀

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

บทที่ 2 แนวคิดการจัดการความรู้


การจัดการความรู้ (Knowledge management - KM) หมายถึง การรวบรวม สร้าง จัดระเบียบ แลกเปลี่ยน และการประยุกต์ใช้ความรู้ในองค์กร โดยพัฒนาระบบจาก ข้อมูล ไปสู่ สารสนเทศ เพื่อให้เกิดความรู้และปัญญา


การจัดการความรู้ ประกอบไปด้วย ชุดของการปฏิบัติงานที่ถูกใช้โดยองค์กรต่างๆ เพื่อที่จะระบุ สร้าง แสดงและกระจายความรู้ เพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้และการเรียนรู้ภายในองค์กร อันนำไปสู่การจัดการสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการธุรกิจที่ดี องค์กรขนาดใหญ่โดยส่วนมากจะมีการจัดสรรทรัพยากรสำหรับการจัดการองค์ความรู้ โดยมักจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศหรือแผนกการจัดการทรัพยากรมนุษย์

โมเดลการจัดการความรู้
           โมเดลเซกิ (SECI Model) ถูกเสนอโดย โนนากะ กับ ทาเคอุชิ (Nonaka และ Takeuchi,1995) คือ แผนภาพแสดงความสัมพันธ์การหลอมรวมความรู้ในองค์กรระหว่างความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) กับความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ใน 4 กระบวนการ เพื่อยกระดับความรู้ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวัฎจักร เริ่มจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Socialization) การสกัดความรู้ออกจากตัวคน (Externalization) การควบรวมความรู้ (Combination) และการผนึกฝังความรู้ (Internalization) และวนกลับมาเริ่มต้นทำซ้ำที่กระบวนการแรก เพื่อพัฒนาการจัดการความรู้ให้เป็นงานประจำที่ยั่งยืน


1. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Socialization) S : Tacit to Tacit 
กระบวนการที่ 1 อธิบายความสัมพันธ์ทางสังคมในการส่งต่อระหว่างความรู้ฝังลึก (Tacit knowledge) ด้วยกัน เป็นการแบ่งปันประสบการณ์แบบเผชิญหน้าระหว่างผู้รู้ เช่น การประชุม การระดมสมอง ที่มาจากความรู้ การเรียนรู้ และประสบการณ์ของแต่ละบุคคล เฉพาะเรื่อง เฉพาะพื้นที่ แล้วนำมาแบ่งปัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน ที่มิใช่เป็นเพียงการอ่านหนังสือ คู่มือ หรือตำรา

2. การสกัดความรู้ออกจากตัวคน (Externalization) E : Tacit to Explicit 
กระบวนการที่ 2 อธิบายความสัมพันธ์กับภายนอกในการส่งต่อระหว่างความรู้ฝังลึก (Tacit knowledge) กับความรู้ชัดแจ้ง (Explicit knowledge) อาจเป็นการนำเสนอในเวทีวิชาการ หรือบทความตีพิมพ์ เป็นการพัฒนาองค์ความรู้ที่ถูกฝังอยู่ในความรู้ฝังลึกให้สื่อสารออกไปภายนอก อาจเป็นแนวคิด แผนภาพ แผนภูมิ เอกสารที่สนับสนุนให้เกิดการสื่อสารระหว่างผู้เรียนรู้ด้วยกันที่เข้าใจได้ง่าย ซึ่งความรู้ฝังลึกจะถูกพัฒนาให้ตกผลึกและถูกกลั่นกรอง แล้วนำไปสู่การแบ่งปัน เปลี่ยนเป็นฐานความรู้ใหม่ที่ถูกนำไปใช้สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ในกระบวนการใหม่

3. การควบรวมความรู้ (Combination) C : Explicit to Explicit 
กระบวนการที่ 3 อธิบายความสัมพันธ์การรวมกันของความรู้ชัดแจ้ง (Explicit knowledge) ที่ผ่านการจัดระบบ และบูรณาการความรู้ที่ต่างรูปแบบเข้าด้วยกัน เช่น นำความรู้ไปสร้างต้นแบบใหม่ ไปสร้างสรรค์งานใหม่ ได้ความรู้ใหม่ โดยความรู้ชัดแจ้งได้จากการรวบรวมความรู้ภายในหรือภายนอกองค์กร แล้วนำมารวมกัน ปรับปรุง หรือผ่านกระบวนการที่ทำให้เกิดความรู้ใหม่ แล้วความรู้ใหม่จะถูกเผยแพร่แก่สมาชิกในองค์กร

4. การผนึกฝังความรู้ (Internalization) I : Explicit to Tacit
กระบวนการที่ 4 อธิบายความสัมพันธ์ภายในที่มีการส่งต่อความรู้ชัดแจ้ง (Explicit knowledge) สู่ความรู้ฝังลึก (Tacit knowledge) แล้วมีการนำไปใช้ในระดับบุคคล ครอบคลุมการเรียนรู้และลงมือทำ ซึ่งความรู้ชัดแจ้งถูกเปลี่ยนเป็นความรู้ฝังลึกในระดับบุคคลแล้วกลายเป็นทรัพย์สินขององค์กร 

รูปภาพ SECI Model

จากโมเดล SECI ของ Nonaka และ Takeuchi ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและมุ่งเน้นการสร้างความรู้ขององค์กรให้เติบโตขึ้น โดยการเชื่อมโยงการสร้างองค์ความรู้ทั้งในรูปแบบความรู้โดยนัย (Tacit Knowledge) และความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ให้เหมาะสมกับลักษณะของกลุ่มคนในองค์กรให้มีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ มีวิธีการ 4 ลักษณะ ได้แก่

1  การแลกเปลี่ยน ปันความรู้ที่เป็น Tacit Knowledge ผ่านเครือข่าย หรือ Socialization โดยการแลกเปลี่ยน ปันความรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ หรือจากการไปดูงานแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ฯลฯ
2 การสร้างความรู้จากผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญ โดยการปันความรู้จากประสบการณ์ (Tacit Knowledge) มาเป็นความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ที่ให้ผู้อื่นสามารถเรียนรู้ต่อได้ โดยง่าย หรือที่เรียกว่า Externalization
3 การเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากภายนอกแล้วบูรณาการเชื่อมโยงความรู้เหล่านั้นให้เข้ากับบริบทขององค์กร เป็นโมเดลและภาษาขององค์กร ให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้
4 เมื่อเรานำความรู้ที่เกิดขึ้นจากสามขั้นตอนข้างต้น มาลงมือสู่การปฏิบัติจะเกิดการซึมทราบเป็นประสบการณ์ เป็น Tacit Knowledge  หรือเรียกว่า Internalization

💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓
สามารถนำ SECT Model มาประยุกต์ใช้ได้ดังนี้
1. ส่วนของ Socialization (S) ได้ประยุกต์โดยการสร้างระบบกระดานสนทนาเพื่อเป็นที่แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญกับบุคคลทั่วไป
2. ส่วนของ Externalization (E) เป็นส่วนของการรวบรวมเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสร้างระบบจัดเก็บงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสุนัข และการจัดทำระบบฐานข้อมูลที่ผู้เชี่ยวชาญสามารถเข้ามาทำการเพิ่มหรือแก้ไขข้อมูลได้
3. ส่วนของ Combination (C) เป็นการสร้างระบบการวิเคราะห์ข้อมูลโรคจากอาการของสุนัขและการแสดงรายละเอียดของโรคที่วิเคราะห์ได้
4. ส่วนของ Internalization (I) เป็นส่วนที่ใช้ในการวัดสถิติการเข้าใช้งานของผู้ใช้งานโดยทั่วไป เช่น การวัดจำนวนครั้งในการดาวน์โหลดงานวิจัย, การวัดสถิติการเข้าชมวีดีโอที่เกี่ยวข้องและการเก็บสถิติชื่อโรคที่ผู้ใช้เข้ามาทำการค้นหา เป็นต้น
💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓💓


การค้นพบความรู้ : การพัฒนาความรู้ใหม่โดยปริยายหรือความรู้ที่ชัดเจนจากข้อมูลและข้อมูลหรือจากการสังเคราะห์ความรู้เดิม


การรวมกัน - ค้นพบความรู้ที่ชัดเจนใหม่
      ความรู้ที่ซับซ้อนมากขึ้นหรือชัดเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นจากหลายความรู้ที่ชัดเจนผ่านการสื่อสารการรวมและการเขียนข้อเสนอ
การขัดเกลาทางสังคม - ค้นพบความรู้ใหม่โดยปริยาย
การสังเคราะห์โดยปริยายความรู้ในแต่ละบุคคลผ่านกิจกรรมร่วมกันแทนการเขียนหรือการสอนด้วยวาจา

Knowledge Capture: กระบวนการดึงความรู้โดยปริยายหรือความรู้ที่ชัดเจนที่มีอยู่ในคนสิ่งประดิษฐ์หรือหน่วยงานขององค์กร
Externalization- แปลงความรู้โดยปริยายให้เป็นความรู้ที่ชัดเจน ตัวอย่าง: ที่ปรึกษาด้านการเขียนเอกสารอธิบายบทเรียนที่ทีมได้เรียนรู้เกี่ยวกับ บริษัท ลูกค้า
Internalization - เปลี่ยนความรู้ที่ชัดเจนเพื่อให้เป็นความรู้ที่มีนัย เช่นที่ปรึกษาด้านซอฟต์แวร์คนใหม่อ่านหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นนวัตกรรมและเรียนรู้จากมัน

การแบ่งปันความรู้: กระบวนการของความเงียบหรือความรู้ที่ชัดเจนจะถูกแบ่งปันให้กับบุคคล
    1. การถ่ายโอนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เข้าใจได้ดีพอที่จะดำเนินการหรือมีความสามารถในการดำเนินการตามนั้น
     2. การแบ่งปันความรู้ไม่ใช่ข้อเสนอแนะตามการใช้ความรู้
     3. การแบ่งปันความรู้เกิดขึ้นในแต่ละบุคคลกลุ่มแผนกองค์กร

😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😔😊😊😊😊😊😊😊😔😊😊😊😊😊😊
Knowledge application: ความรู้นั้นใช้เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจและการกระทำ ความรู้ช่วยให้องค์กรส่วนใหญ่ ประสิทธิภาพเมื่อมันถูกใช้ในการตัดสินใจและดำเนินงาน
Direction: ความรู้ในการประมวลผลส่วนบุคคลควบคุมการกระทำของผู้อื่นโดยไม่ถ่ายโอน
Routines: ความรู้เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ฝังอยู่ในขั้นตอนกฎและบรรทัดฐานที่เป็นแนวทางสำหรับพฤติกรรมในอนาคต
😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😔😊😊😊😊😊😊😊😔😊😊😊😊😊😊

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

บทที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกับความรู้

ความหมายของความรู้


"อิคูจิโร โนนากะ" มนุษย์คือผู้สร้างความรู้ KM คือวิถีการดำเนินชีวิตของคน 
KMB ถือเป็นวิธีคิดในศตวรรษที่ 21 ที่เป็นกระบวนทัศน์ (paradigm) ใหม่ ซึ่งแตกต่างจากการจัดการอย่างอื่น เช่น รีเอ็นจิเนียริ่งซึ่งนิยมกันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เพราะเป็นเพียงภาคปฏิบัติ ไม่ได้มีแนวคิดหรือทฤษฎีรองรับ แต่ KMB ทำให้เกิดความรู้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะของความรู้ที่มีทฤษฎีรองรับ
โดยความรู้นั้นมี 2 ประเภท คือ tacit และ explicit tacit knowledge เป็นเรื่องการเรียนรู้โดยส่วนตัว เมื่อทำงานก็เกิดเรียนรู้ และความรู้นั้นมีคุณค่าต่อตัวเขา ส่วน explicit knowledge เป็นความรู้ที่มีการจัดระบบ ฉะนั้นอาจจะต้องเอาอุปกรณ์มาช่วย เช่น ไอที จะมีความเป็นรูปธรรม

ภาพที่ 2.1 ทฤษฎีรามิตแห่งความรู้ของยามาวากิ

ไฮดีโอ ยามาซากิ (Hideo Yamazaki) นักวิชาการการจัดการความรู้ชาวญี่ปุ่น (บูรชัย ศิริมหาสาคร, 2550 : 22-24) ได้อธิบายนิยามของความรู้ด้วยรูปแบบของปิรามิด ซึ่งแสดง ให้เห็นว่าความรู้มี 4 ประเภทและมีพัฒนาการตามลำดับเป็น 4 ขั้น จากต่ำไปสูง คือ ข้อมูล---->สารสนเทศ---->ความรู้---->ภูมิปัญญา ซึ่งแต่ละระดับ มีความหมายแตกต่างกัน แต่มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่อง เป็นฐานของกันและกัน ดังนี้
ข้อมูล (Data) คือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ได้จากการสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น โดยยังไม่ผ่านกระบวนการ การวิเคราะห์ (ด้วยกลวิธีทางสถิติ) จึงเป็นข้อมูลดิบ
สารสนเทศ (Information) คือ ข้อมูลที่ผ่านกระบวนการวิเคราะห์แล้ว เพื่อนำมาใช้ประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ความรู้ (Knowledge) คือ สารสนเทศที่ผ่านกระบวนการคิดเปรียบเทียบ เชื่อมโยงกับความรู้อื่น จนเกิดเป็นความเข้าใจ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้
ภูมิปัญญา (Wisdom) คือ การประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการทำงาน บางท่านจึงเรียกภูมิปัญญาว่า ปัญญาปฏิบัติ

Davenport and Prusak (1998) กล่าวว่า ความรู้หมายถึง ส่วนผสมของกรอบประสบการณ์ คุณค่า สารสนเทศ ที่เป็นสภาพแวดล้อมและกรอบการทํางาน สําหรับการประเมินและรวมกันของประสบการณ์และสารสนเทศใหม่

Peter Senge (1990) แห่ง Massachusetts Institute of Technology กล่าวว่า องค์กรแห่งการเรียนรู้ คือ สถานที่ซึ่งทุกคนสามารถขยายศักยภาพของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างผลงานตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เป็นที่ซึ่งเกิดรูปแบบการคิดใหม่ๆ หลากหลายมากมาย ที่ซึ่งแต่ละคนมีอิสระที่จะสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นที่ซึ่งทุกคนต่างเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ร่วมกัน

ปีเตอร์ เอฟ ดรักเกอร์ (Peter F Drucker,1909-2005)ป็นนักคิดที่บุกเบิกแนวคิดด้านการบริหารจัดการขององค์กรธุรกิจ
สมัยใหม่ แต่ดรักเกอร์มีแนวคิดเรื่องการบริหารจัดการองค์กรที่แตกต่างอย่างมาก จากนักคิดด้านการบริหารรุ่นใหม่ๆ ที่การนำเสนอแนวคิดการบริหารธุรกิจ จะมีหลักวิชาการรองรับและมีวิธีคิดที่เป็นระบบแบบแผน แต่แนวคิดที่เป็นจุดเด่นของดรักเกอร์คือความพยายามที่จะเข้าใจความซับซ้อนต่างๆ ของสังคม และพยายามถอดสรุปสิ่งที่เข้าใจออกมาเป็นแนวคิดที่ได้มาจากประสบการณ์ด้านการปฏิบัติ

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี นักคิดคนสำคัญของประเทศไทย ได้เสนอ ยุทธศาสตร์ทางปัญญาแห่งชาติ 8 ประการ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของสังคมไทยทั้งหมดรวมกัน เพื่อพัฒนาประเทศให้ไปสู่ความเจริญที่แท้จริงและยั่งยืน และยุทธศาสตร์หนึ่งในแปดที่เสนอ
คือ ยุทธศาสตร์ญาณวิทยา หรือยุทธศาสตร์ที่ว่าด้วยความรู้ความจริง และปัญหา ประเวศ วะสี
(2537: 10 – 17) ได้เสนอแนวคิดว่า ความรู้ที่จำเป็นมี 4 ประเภทใหญ่ๆ เรียกว่า ปัญญา 4 หรือ
จตุรปัญญา คือ

     1. ความรู้ธรรมชาติที่เป็นวัตถุ (วิทยาศาสตร์กายภาพ)
     2. ความรู้ทางสังคม (วิทยาศาสตร์สังคม)
     3. ความรู้ทางศาสนา (วิทยาศาสตร์ข้างใน)
     4. ความรู้เรื่องการจัดการ

ศ.นพ. วิจารณ์ พานิช แห่งสำนักกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า องค์การเอื้อการเรียนรู้ มีลักษณะเป็นพลวัต (Dynamics) มีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะของพัฒนาการด้านๆ คล้ายมีชีวิต มีผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และการสร้างนวัตกรรม (Innovation) รวมทั้งมีบุคลิกขององค์การในลักษณะที่เรียกว่าวัฒนธรรมองค์การ (Corporate Culture) ที่ผู้เกี่ยว ข้องสัมพันธ์สามารถรู้สึกได้

ประพนธ์ ผาสุขยืด (2547) ได้เสนอกรอบความคิดการจัดการความรู้ แบบปลาทู (Tuna Model) เป็นกรอบความคิดอย่างง่ายในการจัดการความรู้ของสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) โดยเปรียบการจัดการความรู้เสมือนปลาหนึ่งตัว ซึ่งมีส่วนประกอบ 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ลำตัว และหางปลา

ภาพที่ 8.1 โมเดลปลา

โมเดลปลาประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัว ส่วนตัว และส่วนหาง
ส่วนหัวปลา เรียกว่า KV ย่อมาจาก Knowledge Vision หมายถึง ส่วนที่เป็นวิสัยทัศน์ หรือเป็นทิศทางของการจัดการความรู้ กล่าวคือ ส่วนหัวจะทำหน้าที่มองว่ากำลังจะไปทางไหนต้องตอบได้ว่า "ทำ KM ไปเพื่ออะไร"
ส่วนตัวปลา เรียกว่า KS ย่อมาจาก Knowledge Sharing หมายถึง ส่วนที่เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจ และเป็นส่วนที่ยากลำบากที่สุดในกระบวนการทำ KM เพราะต้องเกิดจากปัจจัย และสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมให้คนพร้อมที่จะแบ่งปันและเรียนรู้ร่วมกัน
ส่วนหางปลา เรียกว่า KA ย่อมาจาก Knoeledge Assets หมายถึง ส่วนที่เป็นเนื้อหาความรู้ที่เก็บสะสมไว้เป็น "คลังความรู้" หรือ "ขุมความรู้"

ขบวนการรวบรวมความรู้จากการถ่ายทอด Tacit Knowledge ให้เป็น Explicit Knowledge ความรู้ของคนเรานั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ

     1. ความรู้ที่ไม่ปรากฎชัดแจ้ง (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ไม่สามารถเขียนหรืออธิบายได้ การถ่ายโอนความรู้ประเภทนี้ทำได้ยาก จำเป็นต้องอาศัยการเรียนรู้จากการกระทำ ฝึกฝน (อยู่ในสมองคน เชื่อมโยงกับประสบการณ์ ความเชื่อ ค่านิยม ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ทั้งหมด)
     2. ความรู้ที่ปรากฎชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถเขียนหรืออธิบายออกมาเป็นตัวอักษร ฟังก์ชั่นหรือสมการได้ (อยู่ในตำรา เอกสาร วารสาร คู่มือ คำอธิบาย วีซีดี คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต ฐานข้อมูล)

ซึ่งเราจะมีขบวนการรวบรวมความรู้จากการถ่ายทอด Tacit Knowledge ให้เป็น Explicit Knowledge ได้ดังนี้


Tacit Knowledge (ความรู้ความเข้าใจในตัวคน)

        Category(จัดหมวด)         ¦         Associated (ระบุความสัมพันธ์)

        Codified(ประมวล)           ↓         Principle/Theory (หลักการ/ทฤษฎี)

Explicit Knowledge (ความรู้ที่ปรากฎชัดแจ้ง) 

Encoding Process (กระบวนการเข้ารหัส)      ↓          ransfer (ถ่ายทอด)


ความสำคัญของความรู้


ด้านบุคคล : สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ที่หลากหลาย ทั้งด้านการเรียน การทำงาน สามารถนำไปต่อยอดในอนาคตได้อีกด้วย
ด้านธุรกิจ : สามารถนำไปปรับใช้ในงานของบริษัท เป็นแนวคิดในการศึกษาสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ด้านสังคม : สามารถใช้ความรู้ที่ได้รับไปพัฒนา หรือต่อยอดทำโครงการเพื่อส่วนรวมได้